|
การบายศรีสู่ขวัญนาคของชาวกูยนั้น
นิยมทำเป็นคู่เพื่อความเป็นสิริมงคล
โดย
จะจัดขึ้นในขึ้น ๑๓ ค่ำ
ครั้นพอถึงวันขึ้น
๑๔ ค่ำ ซึ่งถือเป็นวันแห่นาค
ทุกบ้านก็
จะให้นาคขึ้นช้างและแห่มารวมกันที่วัด
บ้านตากลาง
ก่อนที่ทั้งหมดจะเคลื่อน
ขบวนแห่ไปที่ลำน้ำมูล
บริเวณที่เรียกว่า
"ศาลเจ้าพ่อวังทะลุ"
หรือเรียกในภาษากูย |
|
ว่า
"หญ่าจู๊" เพื่อไปทำพิธีขอขมาและบอกกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวกูยเคารพนับถือ
นอกจากศาลเจ้าพ่อที่บริเวณวังทะลุแล้ว
ยังมีอีก ๒
แห่งคือที่ท้ายหมู่บ้านและท้ายวัด |
|
ในการแห่ขบวนทั้งหมดไปยังบริเวณลำน้ำมูล
คงจะคล้ายๆ กับประเพณีบวช
นาคที่หาดเสี้ยวของจังหวัดสุโขทัย
และประเพณีบวชนาคของหมู่บ้านช้าง
บ้าน
ตากลางนี้
ก็มีช้างเข้าร่วมขบวนนับร้อยเชือก
ซึ่งนับได้ว่าเป็นขบวนแห่นาคที่
ยิ่งใหญ่และหาดูได้ยากยิ่งในทุกวันนี้ |
|
|
ขบวนแห่นาคที่ยิ่งใหญ่ของชาวกูย
เพื่อไปขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าพ่อวังทะลุ
|
|
ช้างแต่ละเชือกที่เข้า
ร่วมขบวนแห่นั้น
เจ้าของหรือควาญก็
ได้แต่งองค์ทรงเครื่อง
ไม่แพ้กับนาคที่นั่ง
อยู่บนเจ้าตัวเท่าได
นัก บางเชือกก็มีการ
เขียนคำเท่ๆ ไว้ตาม
ตัว ให้ผู้คนได้อ่าน
กันคลายเครียดด้วย
งานนี้ทั้งนาคทั้งช้าง
ต่างก็ไม่ยอมแพ้กัน
ในเรื่องความงาม |
|
|
เมื่อขบวนแห่มาถึงบริเวณวังทะลุแล้ว
ก็จะมีการเซ่นผีปู่ตาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ตามธรรมเนียมของชาวกูยโดยทั่วไป
การเซ่นปู่ตานั้นจะเป็นในลักษณะของ
การเสี่ยงทายด้วย
โดยการดึงคางไก่ที่ใช้ในพิธีออกมาดู
ซึ่งเป็นความเชื่อเช่น
เดียวกับการเสี่ยงทายคางไก่ก่อนออกไปคล้องช้าง |
|
|
การเสี่ยงทายคางไก่ก่อนการบวชนี้
เพื่อ
ทำนายดูว่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่เป็น
อุปสรรคต่อการบวชหรือไม่
สำหรับกระดูก
คางไก่ที่ใช้เสี่ยงทายนั้น
จะมีลักษณะเป็น
๓ ง่าม
และดูจากส่วนตรงกลางของกระดูก
ถ้ามีลักษณะปลายตรงก็จะบวชได้นาน
แต่ถ้าเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งก็จะบวช
ได้ไม่นาน
และถ้าปลายนั้นงองุ้มเข้าหา |
|
คอ
แสดงว่าจะมีอุปสรรคทำให้ไม่สามารถบวชได้
เมื่อพิธีทุกอย่างเสร็จสิ้นก็จะมีพิธี
อุปสมบทในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ
ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชาของทุกปี... |
|
|
|
"ไปดู...งานบวชที่หมู่บ้านช้างสุรินทร์"
ลงพิมพ์ครั้งแรกในสโมสรศิลปวัฒนธรรมหนังสือ
" ศิลปวัฒนธรรม"
ปีที่ ๑๕ ฉบับที่ ๑๒ เดือน
ตุลาคม ๒๕๓๗ ปรับปรุงเพิ่มเติม ๓
มีนาคม ๒๕๔๓
โดย.จักรพงษ์
เจือจันทร์
๗๗๕/๑๑ ถ.สุขาภิบาล ๔ ต.ระแงง
อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ ๓๒๑๑๐
|