ภาษาไทย
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาสามารถของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช
คนไทยจึงได้รับมรดกทางวัฒนธรรมทางภาษาที่มีประวัติอันยาวนาน
แสดงความเป็นชาติที่เจริญมาแต่ครั้งอดีตกาล
และมีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติที่มีภาษาเป็นของตนเอง
แม้แต่ประเทศมหาอำนาจบางประเทศก็ยังหามีตัวอักษรของตนเองไม่
การมีภาษาประจำชาติเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยหล่อหลอมให้คนในชาติอยู่ร่วมกันอย่างเป็นปึกแผ่นมั่นคง
ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีลักษณะเด่นที่สำคัญหลายประการ อาทิ
เป็นคำที่มักมีพยางค์เดียวหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าคำโดด
โดยที่คำแต่ละคำนั้นมีความหมายในตัวเอง เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง กิน
นอน ตื่น ฯลฯ เป็นต้น
อีกทั้งคำคำเดียวอาจจะมีความหมายแตกต่างกันออกไป
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวางตำแหน่งของคำ เช่น "ขัน"
อาจหมายถึงอาการหัวเราะหรือภาชนะที่ใช้สำหรับตักน้ำ
หรืออาจจะหมายถึงการโก่งคอขันของไก่ นอกจากนี้
การเรียงลำดับของคำของประโยคเดียวกันในตำแหน่งต่างกัน
อาจทำให้ความหมายเปลี่ยนไป เช่น "ให้ใครมาหา" ถ้าเรียงคำใหม่
"ให้มาหาใคร" ความหมายก็จะเปลี่ยนไปทันที
ลักษณะสำคัญของภาษาไทยที่เป็นเอกลักษณ์อีกประการหนึ่งคือเป็นภาษาที่สร้างคำขึ้นตามระบบเสียงธรรมชาติของมนุษย์
มีระบบเสียงสูงต่ำโดยใช้วรรณยุกต์เป็นตัวกำกับเสียง กล่าวคือ
เสียงหนึ่งเสียงมีความหมายหนึ่ง
หากเปลี่ยนเสียงเปลี่ยนความหมายก็จะเปลี่ยนไปด้วย ดังตัวอย่าง
"ดิน" กับ "ดิ้น", "ลา" กับ "ล่า" หรือ "ก่อน" กับ "ก้อน" เป็นต้น
ทำให้ภาษาไทยได้ชื่อว่าเป็นภาษาดนตรี อันเนื่องมาจากความงดงาม
ความไพเราะของจังหวะจะโคนทางภาษา
และภาษาไทยยังมีลักษณะพิเศษอีกบางประการ อาทิ
มีระดับของคำหรือศักดิ์ของคำที่ใช้ให้เหมาะแก่บุคคล กาละ เทศะ
การใช้คำราชาศัพท์สำหรับพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ มีการใช้ลักษณนามกับสิ่งต่างๆ
ที่แตกต่างกันมากมาย
การมีภาษาประจำชาติเป็นของตนเองผนวกกับความเป็นคนช่างคิด
ช่างสังเกต เจ้าสำบัดสำนวนของคนไทย
ภาษาไทยจึงสร้างกวีและนักเขียนอย่างมากมาย โดยบรรพชนเหล่านั้น
ได้ใช้ภาษาไทยเป็นเครื่องมือแสดงความรู้สึกนึกคิดจากการเก็บเอาสิ่งที่เคยพบเห็นหรือคุ้นเคย
ด้วยถ้อยคำที่สะท้อนอารมณ์ออกมาในแง่มุมที่แตกต่างกัน
ไม่ว่าจะเศร้าโศก ดีใจ เสียใจ หัวเราะ ร้องไห้
คนไทยสามารถใช้ภาษาไทยรจนาอารมณ์เหล่านั้นออกมาได้อย่างวิจิตรบรรจงทั้งร้อยแก้ว
ร้อยกรอง ดังบทประพันธ์ที่จะขอนำมากล่าวถึง ดังนี้
"อันรสของภาษาไทยใช่อวดอ้าง
ไทยสรรสร้างวรรณกรรมนำสุขศรี
รสสุนทรชวนใจให้เปรมปรีดิ์
โวหารมีนานาน่าพินิจ
ฉันทลักษณ์ของไทยพิไลเลิศ
ได้ก่อเกิดงานประพันธ์วรรณวิจิตร
เร้าอารมณ์สะเทือนใจให้ยั่วคิด
มีคติชีวิตจรรโลงใจ
เอกลักษณ์ภาษาไทยยังไม่ถ้วน
ขอเชิญชวนมิตรคลี่คลายหายสงสัย
หมั่นสังเกตเหตุวิเคราะห์เสาะหาไป
ประมวลไว้เป็นความรู้ชูชาติเอย"
(ศาสตราจารย์ฐะปะนีย์ นาครทรรพ)
และงานสร้างสรรค์ด้านวรรณกรรมเมื่อครั้งอดีตกาลได้กลายเป็นมรดกทางภาษาอันล้ำค่าที่บรรพบุรุษได้มอบให้ลูกหลานชาวไทยจนกระทั่งทุกวันนี้
อาทิ บทเสภาขุนช้างขุนแผน สังข์ทอง พระอภัยมณี บทพระราชนิพนธ์
ในล้นเกล้ารัชกาลที่ ๑ เรื่องรามเกียรติ์
บทพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ เรื่องเงาะป่า
และบทพระราชนิพนธ์ในล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ เรื่องอิเหนา ฯลฯ
เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าความสามารถด้านภาษาของคนไทยมีตั้งแต่ชั้นเจ้าฟ้าเจ้าปกครองจนถึงสามัญชนคนธรรมดา
โดยเฉพาะกวีท่านหนึ่งของไทยในอดีตถึงกับได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก
ซึ่งเป็นองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติให้เป็นถึง
"กวีเอกของโลก"
ซึ่งกวีที่ประกาศศักดาแห่งความเป็นไทยและนำความภาคภูมิใจมาสู่ลูกหลานไทยท่านนั้นคือ
"พระสุนทรโวหาร" หรือ "สุนทรภู่"
อนึ่ง
นอกจากพระปรีชาสามารถด้านภาษาของพระมหากษัตริย์ไทยในอดีตแล้ว
องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันทรงแสดงให้เห็นถึงอัจฉริยาภาพทางภาษาและวรรณกรรมของพระองค์
โดยพระราชนิพนธ์วรรณกรรมอันล้ำค่ามอบแก่พสกนิกรของพระองค์ คือ
"นายอินทร์ ผู้ปิดทองหลังพระ" และ "พระมหาชนก"
เพื่อให้คนไทยได้ยึดเป็นแนวปฏิบัติในเรื่องความกล้าหาญและความเพียร
ยังความปลาบปลื้มมาสู่คนไทยทุกหมู่เหล่า
และยังเป็นการเน้นให้เห็นว่าภาษาไทยเป็นของคนไทยทุกคน
เอกลักษณ์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งของภาษาไทยคือตัวอักษรไทย
ซึ่งเป็นการดัดแปลงมาจากอักขระพราหม์และอักษรขอมมาเป็นลายสือไทย
ใช้เขียนภาษาพูดของไทย และในขณะเดียวกันก็จะมีหน่วยเสียง (phoneme)
และระบบการผสมอักขระที่สามารถเขียนภาษาขอม ภาษาบาลี สันสกฤต
และภาษาอื่นๆ
ซึ่งปัจจุบันภาษาไทยมีการผสมอักษรและหน่วยเสียงที่ใช้ถ่ายทอดภาษาได้ทุกภาษาของโลก
จากที่กล่าวเกี่ยวกับเรื่องของภาษาไทย
จะเห็นได้ว่าภาษาไทยเป็นภาษาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ
ซึ่งแสดงออกถึงความเป็นชาติไทยได้เป็นอย่างดี
คนไทยทุกคนจึงควรภูมิใจในการที่ประเทศไทยใช้ภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติมากว่า
๗๐๐ ปี ดังจะขออัญเชิญพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารีในพิธีพระราชทานรางวัลการประกวดทำนองเสนาะของกรมศิลปากร
เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๑ ใจความตอนหนึ่งว่า
"ภาษา
นอกจากจะเป็นเครื่องมือแสดงสื่อสารแสดงความรู้สึกนึกคิดของคนทั่วโลกแล้ว
ยังเป็นเครื่องแสดงให้เห็นวัฒนธรรม อารยธรรม
และเอกลักษณ์ประจำชาติอีกด้วย
ไทยเป็นอารยประเทศประเทศหนึ่งซึ่งมีขนบประเพณี ศิลปกรรม วรรณคดี
และภาษาที่รุ่งเรืองมาแต่อดีตกาล เราผู้เป็นอนุชนจึงควรภูมิใจ
ช่วยกันผดุงรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นทรัพย์สินทางปัญญา
ที่บรรพบุรุษได้อุตส่าห์สร้างสรรค์ขึ้นไว้ให้เจริญสืบไป" |