หมาผมหาย
๑๓ ต.ค.๒๕๔๘ ถือเป็นวันเศร้าอีกวันหนึ่งของผมในรอบสิบปี
วันนี้
ทันทีที่ผมไปถึงบ้านที่ศีขรภูมิ ปรากฏว่าหมา ๒
ตัวที่ผมนำมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็กจนกระทั่งอายุราว ๓ ปี ไม่วิ่งออกมารับ
ใจหายแปลบๆ เพราะสัปดาห์ก่อนแม่บอกว่ามันโดนวางยาแต่ไม่ตาย
มันวิ่งกระเสือกกระสนเข้ามาในบ้าน และหายไปตอนดึก
แม่บอกว่าตื่นหามันตั้งแต่ตี ๔ พอได้ยินเสียงมันร้อง แม่ถึงกับน้ำตาไหล
แม่บอกว่ามันเป็นหมาค้ำคูณ ช่วยเฝ้าบ้าน
เสาร์ที่ผ่านมา ผมกับภรรยาซึ่งอาศัยอยู่ในตัวเมืองจังหวัดสุรินทร์
ก็กลับศีขรภูมิเป็นปกติ เห็นเจ้าตะไคร้นอนสั่นอยู่ใต้โต๊ะกินข้าว
อาการคล้ายกับถูกยาเบื่อ เรารีบเอาน้ำอัดลมกรอกปากมันเพื่อให้อาเจียน
ก็รอดมาได้อีกคำรบหนึ่ง
วันนี้
๑๓ ตุลาคม ๒๕๔๘ พ่อบอกว่ามันหายไปตั้งแต่เมื่อคืน
ผมตามหามันตามแหล่งที่คาดว่าจะพบ อย่างน้อยก็ขอให้เจอศพ
ถ้ามันโดนวางยาเบื่อ
สองปีที่ผ่าน หมาผมโดนวางยาวิ่งมาตายต่อหน้าต่อตาโดยผมช่วยไม่ทัน ๑ ตัว
อีกหนึ่งตัวอยู่ในพุ่มไม้ข้างห้องครัวสภาพศพดูเหมือนกำลังจะวิ่งมาที่บ้าน
ส่วนอีกตัวไม่เห็นแม้กระทั่งศพ รวมแล้ว ๓ ตัว
ล่าสุดเจ้าตะไคร้กับเจ้าคะน้า เป็นหมาเพศผู้ทั้ง ๒ ตัว เจ้าตะไคร้นั้น
เป็นหมาข้างถนนที่แม่มันออกลูกอยู่ใต้ถุนธนาคารที่น้องสาวผมทำงานอยู่
เป็นหมาหลังอาน
น้องสาวผมเก็บเอามาให้ผมและภรรยาเลี้ยงและผมได้เอาไว้ให้เฝ้าบ้านที่ศีขรภูมิ
ส่วนเจ้าคะน้า เป็นหมาของญาติผมที่อยู่บ้านหนองดุมศิวิไลซ์
(ชื่อเพราะมาก) ตำบลแตล รู้ว่าผมรักหมาก็เลยเก็บไว้ให้
ซึ่งผมได้จองไว้ตั้งแต่แม่มันตั้งท้อง วันที่ผมไปเอามันมานั้น
ที่บ้านญาติไม่มีใครอยู่เลย
ผมกับภรรยาเห็นมันหมอบอยู่ใต้เตียงก็ถือวิสาสะอุ้มมาเลย
แต่ก็แจ้งล่วงหน้าไว้แล้ว
ทั้งสองตัวเป็นหมาสีน้ำตาล แต่เจ้าคะน้าจะออกสีเปลือกมังคุด
เป็นหมาตัวเตี้ย
ถึงแม้ว่าผมจะเป็นคนชอบถ่ายภาพมาก แต่ผมไม่เคยถ่ายภาพเจ้า ๒ ตัวนี้ไว้เลย
ทั้งนี้ เนื่องจากว่าเมื่อ ๑๐ กว่าปีที่แล้ว ตอนที่ผมถ่ายภาพเป็นใหม่ๆ
ผมถ่ายหมาทีไร มันตายทุกตัว ผมเลยไม่กล้าถ่ายหมาของผมอีกเลย ล่าสุดเจ้า
Lucky หมาพันธุ์พุดเดิ้ลสีดำ
ผมได้ถ่ายวีดิทัศน์ที่มันหยอกกับแมวไว้เมื่อ ๓ ปีที่แล้ว
และก็ไม่เคยเจอมันอีกเลย
เมื่อครั้งหลานสาวผมเพิ่งหัดพูด และเรียกเจ้าตะไคร้ว่า "ไข่ไค้"
เรียกเจ้าคะน้าว่า "หน่าน้า"
เราเลยเรียกกันตามทั้งบ้านตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ผมตั้งใจว่าจะเขียนเรื่องหมาของผมเป็นตัวๆ ไป ล่าสุดเมื่อวันอังคาร
เจ้าคะน้ามันยังกระโดดโอบเอวผม เมื่อผมไปถึง ส่วนเจ้าตะไคร้ พอรถผมไปถึง
มันจะออกอาการดีใจวิ่งมาต้อนรับตั้งแต่ประตูรถยังไม่เปิดเลย
และส่งเสียงร้องทักทายเหมือนกับว่า "ดีใจจังเลย"
เพราะผมจะกลับศีขรภูมิทุกสัปดาห์ บางสัปดาห์ก็ ๒ หรือ ๓ หน
ตอนน้ำมันไม่แพงเหมือนตอนนี้ ผมกลับวันเว้นวัน บางครั้งก็อยู่นอนที่ศีขรฯ
เลย
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ต้องอยู่บ้านหลายวัน
ผมซื้อข้าวสารหุงให้มันกินกับปลาทูเกือบทุกวัน
วันอังคารนั้น ผมตั้งใจว่าจะถ่ายภาพมันทั้งสอง
เพื่อจะเอามาประกอบเรื่องที่ผมอยากจะเขียนคือ "ขี้เรื้อนก็รัก"
แต่มันไม่ยอมอยู่นิ่งให้ถ่าย ในขณะที่ผมเขียนอยู่นี้
ผมก็ภาวนาว่าพรุ่งนี้ขอให้มันกลับมา
ถึงแม้ว่าตอนค่ำผมโทรกลับไปถามแม่ว่ามันกลับมาหรือยัง แม่บอกให้ทำใจ
ผมนึกถึงเพลง "ชายแปลกหน้า" ของเต๋อ เรวัติ พุทธนันทน์
ผู้ล่วงลับ ที่กล่าวถึงความซื่อสัตย์ของหมา ใครที่เลี้ยงหมาคงรู้ซึ้งดี
เย็นวันนั้นที่หน้าประตู หนูน้อยเพลิดเพลิน
เดินไปมาดูดอกไม้ เจ้าหมาตัวน้อยวิ่งตามไม่ห่างนาย
เจอเอาชายแปลกหน้าคนหนึ่ง นัยน์ตาสับสน
เดินเวียนวนมาหยุดยืน แล้วยื่นขนมในมือให้เจ้าหมา
หนูน้อยนั้นนึกหวั่น นึกแปลกในใจ
เหตุใดชายแปลกหน้า จึงนำเอาอะไรมาให้หมากิน
ยืนมองดูอยู่สักครู่จึงเดินจากไป เดินไปไกลไม่กลับมา
ทิ้งให้เจ้าหมานั้นเพลินกินต่อไป
หนูน้อยนั้นนึกหวั่นนึกแปลกในใจ
เหตุใดชายแปลกหน้าจึงนำเอาอะไรมาให้หมากิน
เดินไปเจอที่หน้าตลาดในวันต่อมา
ชายคนเดิมซื้อข้าวปลา แล้วเรียกให้หมามากินในห่อเดียวกัน
หนูน้อยนั้นจึงตัดสินใจเอ่ยถาม
เหตุที่ชายแปลกหน้า
นั้นนำเอาอะไรมาให้หมากิน
ตอบมาว่าเคยปักใจจะหาความรักจากคน
ไม่เคยได้จากใคร และสุดท้ายจึงคิดเปลี่ยนใจไล่ตามเอาจากหมา
หาความรักจากคน ไม่เคยได้จากใคร
และสุดท้ายจึงคิดเปลี่ยนใจไล่ตามเอาจากหมา
ในขณะที่ผมเดินทางจากศีขรฯ มาสุรินทร์ ในใจผมสับสน
หากมันโดนวางยาเบื่อเหมือนกับหมาตัวที่ผ่านมาของ ผมไม่เข้าใจจิตใจของ
"สิ่งมีชีวิตใจร้าย" ที่ทำได้ลงคอ
ผมไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาเกือบ ๒๐ ปีแล้ว แม้แต่ยุงผมยังไม่ตบ
เพิ่งจะมาผิดศีลข้อ ๑ ในปีนี้ละครับ เพราะยุงเยอะมาก ได้ไม้ตียุงมา
แต่ก็ไม่ใช้บ่อยนัก
ก่อนหน้านั้น ผมถือได้ว่าเป็นมือเพชฌฆาตเหมือนกัน
เพราะที่บ้านเคยเลี้ยงไก่พันธุ์เนื้อ
ผมต้องลงมือสังหารเพื่อนำไปส่งลูกค้า
สองปีที่แล้ว หมาที่ผมกับภรรยาเลี้ยงไว้ที่บ้านพักตายไป ๓ ตัว
จากโรคภัยไข้เจ็บ หายไปไม่ทราบสาเหตุ ๑ ตัว หมาที่บ้านพ่อตาแม่ยายอีก ๑
ตัว
ถึงแม้ว่าผมจะเหลือหมาของผมอีก ๕ ตัวที่บ้านพัก
แต่ผมก็ยังเสียใจกับการหายไปพร้อมๆ
กันของหมาผู้ซื่อสัตย์ของผมในคราวเดียวกันถึง ๒ ตัว
ขณะที่ท่านได้อ่านบทความนี้ ผมได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เรื่องของ "ไข่ใค้"
กับ "หน่าน้า" เป็นเรื่องจริงเลย
ปล.หลังจากผมเขียนบทความนี้และ
upload
แล้ว รุ่งเช้า
ผมโทรไปถามแม่ว่ามันกลับมาหรือเปล่า คำภาวนาของผมเป็นจริงครึ่งหนึ่ง
เจ้าคะน้ามันกลับมาและหายไปอีก ได้ยินเสียงเห่าของมันเลยออกไปแถวทุ่งราว
๑ กม. |