๒๐
มีนาคม ๒๕๔๓
หลังจากเดินทางทางไปบรรยายพิเศษที่จังหวัดอุดรธานี
เมื่อวันที่ ๑๗ ที่ผ่านมา
กลับเข้ากรุงเทพ
และมาที่อำเภอศีขรภูมิ
ชีวิตผมมักจะวนเวียนอยู่กับการเดินทาง
แต่นั่นก็ทำให้ผมได้พบพานกับ
หลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง
โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนกลับมาที่บ้านแวะไปที่แผงหนังสือ
ได้ "เนชั่น
สุดสัปดาห์" กลับมานอนอ่าน
เจอรายงานพิเศษ
ของท่าน "อานันท์
ปันยารชุน"
บุคคลที่ผมชื่นชอบมากที่สุด ๑ ใน
๓ ของประเทศก็ว่าได้ โดย
"เนชั่นฯ"
ได้นำปาฐกถาของอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยท่านนี้มาเผยแพร่
และจั่วหัวไว้ว่า
'อานันท์'
ปลุกสำนึกคนเมือง
ส่งช้างกลับบ้าน...คืนป่าสู่ช้าง (ฉ.๔๐๗ วันที่๒๐ - ๒๖
มีนาคม ๒๕๔๓ น.๘๐-๘๑)
ขออนุญาตนำบทปาฐกถาของท่านมากล่าวอ้างในที่นี้นะครับ
...ช้างเคยเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทย
และเคยมีบทบาทในการปกป้องแผ่นดิน
นอกจากช้างจะเป็นสัตว์พาหนะที่รับใช้แผ่นดิน
ช้างยังเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง
ดังจะเห็นได้ว่า
ในตราแผ่นดินจะมีรูปช้างอยู่ด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ช้างเผือกนั้น
เป็นสัญลักษณ์ของพระบรมเดชานุภาพ
นอกจากนี้
ช้างเผือกยังเป็นสัญลักษณ์ของเครื่องราชอิสริยาภรณ์สายหนึ่ง
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่ข้าราชการ
โดยมีมหาปรมาภรณ์ช้างเผือกเป็นชั้นสูงสุด...
...แต่วันนี้ช้างได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลว
และความไม่เป็นธรรมในการพัฒนาของไทย
ทุกวันนี้เมื่อเราเห็นช้างเดินอยู่บนถนนในกรุงเทพฯ
เรารู้สึกเวทนา
ทั้งนี้เพราะเราไม่เพียงแต่สงสารช้างเท่านั้น
แต่เรายังรู้สึกอับอายด้วย...
และอีกตอนหนึ่ง
ซึ่งอาจจะทำให้หลายๆ
คนได้เข้าใจอะไรๆ ดีขึ้นบ้าง
...จังหวัดสุรินทร์ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการแสดงช้างมาช้านาน
และมีการเลี้ยงช้างมานานนับร้อยปี
มีช้างเลี้ยงอยู่ประมาณ ๒๐๐
เชือก
สุรินทร์เป็นจังหวัดที่ยากจนที่สุดจังหวัดหนึ่งของประเทศไทย...
...ชาวสุรินทร์มีรายได้เฉลี่ยเพียง
๑๓,๕๐๐ บาทต่อคนต่อปี
หรือเท่ากับ ๑,๑๒๕
บาทต่อคนต่อเดือน
หรือ ๓๗.๕ บาทต่อคนต่อวัน
ซึ่งเป็นจำนวนที่เล็กน้อยมาก
...ยังไม่พอค่าทางด่วนขั้นแรกในกรุงเทพฯ
ด่านเดียวเสียด้วยซ้ำ...
แต่ถ้าหากควาญช้างนำช้างเข้าเมือง
เพื่อให้คนลอดท้องช้าง
หรือเพื่อขายกล้วยให้คนที่ผ่านไปมาซื้อเลี้ยงช้าง
เขาจะมีรายได้เฉลี่ยวันละ ๕๐๐
บาท
จะผลักดันช้างและเจ้าของช้างออกนอกเมืองได้อย่างไร
ถ้าหากรายได้แตกต่างกันมากกว่า
๑๐ เท่าเช่นนี้...
ในบทความยังกล่าวถึงกรณีปัญหาทั้งของช้างป่าและช้างบ้านอันเป็นผลพวงมาจากการ
พัฒนาเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทางของบ้านเรา
ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อช้างทั้งหลาย
ผมขอกราบขอบพระคุณท่านอานันท์
มา ณ ที่นี้ เพราะท่านเป็นบุคคลที่มองเห็นและเข้าใจปัญหา
ทั้งหลายทั้งปวงที่ชาวช้างทั้งหลายประสบอยู่
ผิดไปจากผู้นำหลายๆ
คนที่มัวเมาในอำนาจจนลืม
ปัญหาที่แท้จริงของประชาชน...ลองไปหาอ่านกันดูนะครับ
เอาละครับว่ากันเรื่องเครียดๆ
มาเยอะแล้ว
อย่างที่ผมเคยกล่าวไว้ตอนต้นๆ
เรื่องว่าจะเล่า
เรื่องควาญช้างที่น่ารักที่สุดในโลกมาให้อ่านได้ชมกัน
ก็ถึงเวลาเสียทีครับ
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา
กลับบ้านครั้งนี้
ส่วนคราวหน้าจะว่า
เรื่องของช้างแฝดจุ๋มจิ๋ม
ซึ่งเคยเป็นสมบัติของชาวสุรินทร์
อย่างว่าละครับ
ในที่สุดก็ต้องตกเป็นสมบัติของสวนสัตว์เขาเขียว...แต่นั่นก็ทำให้ชีวิตของเจ้าช้าง
แฝดทั้งคู่รวมทั้งพังลำดวนและพี่อุ่นเจ้าของช้าง
มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
(แต่ผมมาทราบข่าวว่า
พี่อุ่นต้องสูญเสียลูกชายคนโตไปจากอุบัติเหตุ...หลายปีแล้ว)
เอาละมาชมเรื่องราวสนุกๆ
และน่ารัก
ของช้าง ช้าง ช้าง ได้แล้วครับ
ด้วยจิตคารวะ
|