ผมตั้งใจจะค้นคว้าเกี่ยวกับช้างมาตั้งแต่ปี
๒๕๓๖
มีเอกสารอะไรเกี่ยวกับช้างก็เก็บๆ
เอาไว้ แต่ยัง ก่อนกลับมาเลือกตั้ง
สว. ผมไปเจอเพื่อนเก่าแก่สมัยมัธยมนู้นที่หมอชิต
เดี๋ยวนี้ทำงานเป็น NGO กลับมาถึงบ้านที่ศีขรภูมิ
หลังวันเลือกตั้งไปกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านแถวๆ
ปราสาทศีขรภูมิ หยิบหนังสือ นี่ก็วันอังคารเข้าไปแล้ว
ต้องรีบกลับไปอัดวีดิทัศน์ของ UBC คืนวันที่ ๑๒
อีก...ได้เรื่องยังไงจะเอา |
||||
|
||||
๑.
ไดโนเทอเรส (Dinotheres)
เป็นสายพันธุ์ของช้างที่ประกอบด้วยหลาย
Species และ ถือว่าเล็กที่สุด ส่วนที่ใหญที่สุดนั้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีขนาดพอๆ กับช้างอาฟริกาในปัจจุบัน
|
||||
|
||||
๒.
มาสโตดอนชนิดขากรรไกรยาว
(Long-jawes Mastodon) มีลักษณะเด่นๆ คือ มีขากรรไกรล่างยื่นออกมายาวมากและมีงาแบนๆ ออกมา ๑ คู่ ส่วนขากรรไกรบนก็ยาวเช่นกันและ ยังมีงาอีกคู่หนึ่งงอกออมาด้วยแต่ว่ายาวกว่างาคู่ล่าง รวมแล้วมันมีงาทั้งหมด ๒ คู่ ๔ งา นั่นเอง ส่วน งวงของช้างชนิดนี้จะค่อนข้างสั้น มันมีชีวิตอยู่ตั้งแต่ต้นสมัยไมโอซีนมาจนกระทั่งไพลโอซีนหรือ เมื่อหนึ่งล้านปีที่แล้ว |
||||
๓.
มาสโตดอนชนิดขากรรไกรสั้น
(Short-jawes Mastodon) หรือมาสโตดอนแท้ (family Masyonidae) เป็นลักษณะใกล้เคียงกับช้างปัจจุบันมาก ซึ่งบรรพบุรุษของช้างพวกนี้ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อ ๔๐ ล้านปีก่อน และแตกหน่อสืบพันธุ์วิวัฒนาการเป็นเอกเทศอยู่ในช่วงเดียวกับ พวกขากรรไกรยาวข้างบน
|
||||
|
||||
ในขณะที่ช้างสกุลต่างๆ
ทยอยสูญพันธุ์ไปจนหมด
แต่มาถึงยุค Pleistocene
หรือหนึ่งหมื่นปี ที่แล้ว ลูกหลานเหลนโหลนของกลุ่มสเตโกดอนกลับหลงเหลืออยู่ โดยวิวัฒนาการออกเป็น ๒ สาย คือ ช้างอาฟริกา (Loxodonta africa) และช้างเอเชีย (Elephant maximus) พวกเดียวกับช้าง สุรินทร์บ้านผมเองนี่แหละ
จุดเด่นของแมมมอธคือมีงายาวมาก
แถมยังตวัดโค้งมาล้อมงวงเอาไว้ด้วย
บางตัวมีความยาวของงา |
||||
|
||||
ย้อนกลับ | ||||
|
Created
By:Jakrapong Juajun |