บทที่
2 (ต่อ)
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย (SchoolNet Thailand)
เรื่องที่สำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งของการใช้เครือข่ายนี้
ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย
คือ โครงการ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์โรงเรียนมัธยมศึกษา
(SchoolNet)
ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งในหลายโครงการด้าน
เทคโนโลยีสารสนเทศ
ที่เกิดขึ้นตามพระราชดำริของ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี
กล่าวคือ
ศูนย์เทคโนโลยีอีเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
ได้นำแนวพระราชดำริมาดำเนินการ
โดยร่วมมือกับหน่วยงานและสถาบันการศึกษาในสังกัดกรมสามัญศึกษากระทรวงศึกษาธิการ
โครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย
ซึ่งศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์
แห่งชาติ(เนคเทค)
ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2538
ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศให้เป็นปีแห่งเทคโนโลยี
สารสนเทศไทย
โครงการนี้เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อโรงเรียนมัธยมในประเทศไทยเข้าสู่
อินเทอร์เน็ตเพื่อเป็นการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยยกระดับการศึกษาของเยาวชนไทย
ถือเป็นการ
ตอบสนองนโยบายของประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 8
ที่มุ่งเน้นการพัฒนา
ทรัพยากรมนุษย์
รวมทั้งเป็นการดำเนินการตามนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ (ไอที-2000)
โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาคุณภาพของการศึกษาของเยาวชนไทย
และลดความเหลื่อมล้ำ
ของโอกาสทางการศึกษา
โดยเริ่มต้นที่ระดับมัธยมศึกษา
โดยการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายคอมพิวเตอร์
หรืออินเทอร์เน็ตในการศึกษาและเรียนรู้
นับเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรก
ในภูมิภาคเอเซีย
ที่มีเครือข่ายคอมพิวเตอร์โรงเรียน
ที่เปิดโอกาสให้โรงเรียนมัธยมทั่วประเทศสามารถ
เข้าถึงเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
ในอัตราค่าโทรศัพท์ครั้งละ 3 บาททั่วประเทศ
ทั้งนี้
ด้วยความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหลายหน่วยงาน
ซึ่งถือเป็นโครงการที่ดำเนินการเพื่อตอบสนอง
รัฐธรรมนูญมาตรา
78 (ที่กล่าวว่า รัฐต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นพึ่งตนเอง
และตัดสินใจในกิจการ
ท้องถิ่นได้เอง
พัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น
และระบบสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ
ตลอดทั้งโครงสร้าง
พื้นฐานสารสนเทศในท้องถิ่นให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกันทั่วประเทศ
)
โดยส่วนที่ศูนย์เทคโนโลยี
อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
(เนคเทค)
ดำเนินการจะเป็นการตั้งต้นให้กับประเทศไทย
เพื่อให้มีโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศในท้องถิ่นขั้นต่ำระดับหนึ่งเท่านั้น
ซึ่งเมื่อผ่านระบบนี้ไปแล้ว
การขยายตัวจะเกิดขึ้นได้ง่าย
เพราะผู้ใช้ระบบมีความพร้อม
เนื่องจากได้เห็นความสำคัญและประโยชน์
ของการใช้อินเทอร์เน็ต
และพร้อมที่จะจ่ายค่าบริการให้แก่ผู้ให้บริการภาคเอกชน
เพื่อกระจายให้ผู้ใช้อื่น
ในโรงเรียนได้มากขึ้น
จึงนับว่าเป็นการสร้างตลาดให้แก่ภาคเอกชน
และกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย
นอกจากนี้โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการร่วมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในวโรกาสมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา
6 รอบในวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542
วัตถุประสงค์ของโครงการ
นอกเหนือจากการเป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา
78 แล้วโครงการยังมีวัตถุประสงค์
ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการศึกษาคือ
1.
เพื่อให้โรงเรียนมัธยมทั่วประเทศได้มีและได้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
ในการศึกษาและเรียนรู้
2.
เพื่อเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนเอกสาร
สื่อการสอน
ดัชนีห้องสมุดระหว่างโรงเรียนด้วยกันเอง
และโรงเรียนกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา
3.
เพื่อให้ผู้ใช้ (ทั้งครูและนักเรียน)
ในระดับโรงเรียนได้เข้าถึงศูนย์ข้อมูลต่างๆ
และห้องสมุด
ในอินเทอร์เน็ต
4. เพื่อให้ครู
อาจารย์
หรือนักเรียนในโรงเรียนสามารถติดต่อกับครู
อาจารย์หรือนักเรียนในโรงเรียน
หรือสถาบันการศึกษาอื่นๆ
ในระดับโรงเรียนหรือสูงกว่าทั้งในและต่างประเทศ
เป้าหมายของโครงการ
1.
ขยายให้ครอบคลุมโรงเรียนทั่วประเทศสามารถต่อเข้าเครือข่ายแบบ
dial-up ในอัตราค่าโทรศัพท์
ท้องถิ่น
(3 บาท) เท่ากันทั่วประเทศ
ปี 2542 โรงเรียนมัธยม 2,500
โรงเรียนปี 2543 โรงเรียนมัธยม
ประถมและอาชีวะจำนวน 5,000
โรงเรียน
โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบคือศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และ
คอมพิวเตอร์แห่งชาติ,องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย
การสื่อสารแห่งประเทศไทยและกระทรวงศึกษาธิการ
2.
จัดสรรบัญชีผู้ใช้งานแก่โรงเรียนร่วมโครงการ
ปี 2542
จัดสรรบัญชีให้โรงเรียนละไม่เกิน
3 บัญชี
แต่ละบัญชีมีชั่วโมงการใช้งานไม่เกิน
40 ชั่วโมงต่อเดือน
และเนื้อที่เก็บข้อมูลโรงเรียนละไม่เกิน
7 เมกะไบต์ ปี 2543
จัดสรรบัญชีให้โรงเรียนละไม่เกิน
5 บัญชี
แต่ละบัญชีมีชั่วโมงการใช้งานไม่เกิน
80 ชั่วโมงต่อเดือน
และเนื้อที่เก็บข้อมูลโรงเรียนละไม่เกิน
8 เมกะไบต์
โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบคือ
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ,
กระทรวงศึกษาธิการ
3.
จัดอบรมครูของโรงเรียนร่วมโครงการทั้งหมดในหลักสูตรการใช้อินเทอร์เน็ตเบื้องต้น
และการเขียน
เว็บเพจเพื่อให้โรงเรียนสามารถใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต
และจัดทำข้อมูลเผยแพร่ได้
ปี 2542 จัดอบรม
ครูของโรงเรียน
2,500 โรงเรียนๆ ละ 2 คนปี 2543
จัดอบรมครูของโรงเรียน
5,000 โรงเรียนๆ ละ 2 คน
โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบคือสำนักงานสภาสถาบันราชภัฏ
กระทรวงศึกษาธิการ
4.จัดทำต้นแบบของเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ในการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้เพื่อใช้ประโยชน์ในการเรียนรู้
สำหรับนักเรียน
และครูปี 2542
จัดทำต้นแบบเนื้อหาอย่างน้อย
7 หมวดวิชา เป็นจำนวน ไม่น้อยกว่า
1,000
เรื่อง
โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบคือศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
รวมทั้งกรมวิชาการกระทรวงศึกษาธิการ
5.
จัดทำสื่อเพื่อพัฒนาครู 1
ชุด ประกอบด้วยหนังสือ
วีดิทัศน์ และ
ซีดีรอมเพื่อให้ครูเข้าใจถึงการนำ
เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในการเรียนการสอนและการพัฒนาศักยภาพของตน
โดยมีหน่วยงาน
ที่รับผิดชอบคือศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ,กรมวิชาการ
กระทรวงศึกษาธิการ
การดำเนินงาน
พ.ศ. 2538
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
(เนคเทค) ได้ดำเนินโครงการ
อินเทอร์เน็ตโรงเรียนมัธยมโดยเชื่อมต่อโรงเรียนมัธยมศึกษา
10
โรงเรียนเข้ากับเครือข่ายไทยสารที่ได้
ดำเนินการอยู่แล้ว
พ.ศ. 2539
เนคเทคได้ประสานงานกับภาคเอกชนที่แสดงความจำนงสนับสนุนอุปกรณ์ทั้งฮาร์ดแวร์
และซอฟท์แวร์และจัดอบรมให้แก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ
จัดตั้งเครื่องให้บริการ
k12.nectec.or.th
(เรียกสั้นๆ
ว่าเครื่อง k12)
โดยจัดสรรบัญชีผู้ใช้โรงเรียนละ
2 บัญชี พื้นที่เผยแพร่ข้อมูลของโรงเรียนจำนวน
5 เมกะไบต์
และเลขหมายโทรศัพท์จำนวน
39 เลขหมาย
พร้อมทั้งจัดอบรมหลักสูตรการใช้อินเทอร์เน็ต
เบื้องต้นและการสร้างเว็บเพจแก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ
เพื่อให้โรงเรียนสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
แบบผู้ใช้ส่วนบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ
พ.ศ. 2540
ได้จัดทำต้นแบบการศึกษารูปแบบใหม่
Classroom 2000สำหรับโรงเรียนมัธยมศึกษา
เพื่อให้โรงเรียนใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาเนื้อหาเผยแพร่ในเครือข่ายให้โรงเรียนอื่นได้ใช้ประโยชน์
และเพื่อการแลกเปลี่ยนกับโรงเรียนอื่นๆ
ที่สนใจ จัดกิจกรรม
สัมมนาและอบรมให้ความรู้ความเข้าใจเรื่อง
อินเทอร์เน็ตแก่โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการเช่นสัมมนาอินเทอร์เน็ตสำหรับผู้บริหารโรงเรียนทั่วทุกภาค
ในประเทศไทย
การอบรมหลักสูตรอินเทอร์เน็ตเบื้องต้นการอบรมหลักสูตรอินเทอร์เน็ตระดับกลาง
กิจกรรม
Seagate Internet Training Camp
เป็นต้น ทั้งยังได้พัฒนา
Linux-SIS (Linux SchoolNet Internet
Server)
ซึ่งเป็นชุดซอฟต์แวร์สำหรับโรงเรียนเพื่อติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
(PC) ให้ทำหน้าที่
เป็นเครื่องให้บริการอินเทอร์เน็ตซึ่งมีเครื่องมือบริหารเครือข่าย (Web Admin
Tool)
ช่วยให้ครูผู้ดูแลระบบ
สามารถบริหารเครือข่ายโดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้คำสั่ง
ถือเป็นการสนับสนุนให้โรงเรียนเชื่อมต่อ
เครือข่ายภายในโรงเรียนเข้าสู่อินเทอร์เน็ตแบบโหนดในราคาถูกและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้
ยังได้เริ่มโครงการฯ
ในมิติใหม่ (SchoolNet@1509)
โดยโครงการฯ ได้รับพระมหากรุณา-
ธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี
ให้ใช้ระบบเครือข่ายกาญจนาภิเษก
ซึ่งมีศูนย์
รับการเชื่อมต่อออนไลน์ทั่วประเทศ
เพื่อใช้งานเชื่อมต่อเข้าเครือข่ายเพื่อโรงเรียนไทยโดยการหมุนเลขหมาย
1509 โดยเริ่มตั้งแต่ 1
กุมภาพันธ์ 2541
และในเวลาต่อมา
กระทรวงคมนาคมได้มอบนโยบายให้องค์การ
โทรศัพท์แห่งประเทศไทย
(ทศท.) และการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.)
ร่วมมือกับเนคเทคหาทางจัดระบบ
อินเทอร์เน็ตในราคาถูก
ให้แก่โรงเรียนต่างๆ
ทั่วประเทศอย่างทัดเทียมและทั่วถึงโดยเริ่มต้นที่โรงเรียน
มัธยมศึกษาก่อน
พ.ศ. 2541
ผลที่ได้รับจากแนวนโยบายของกระทรวงคมนาคมนี้
คือการร่วมมือกันระหว่างโครงการ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทยกับเครือข่ายกาญจนาภิเษก
กลายเป็นระบบบริการเครือข่าย
คอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย
ที่สามารถเชื่อมต่อออนไลน์ได้ทั่วประเทศผ่านเลขหมายพระราชทาน 1509
โดยผู้ใช้เสียค่าใช้จ่ายเพียงค่าโทรศัพท์ครั้งละ
3 บาท
ทั้งนี้อินเทอร์เน็ตทางไกลภายในประเทศ
ได้รับการ
สนับสนุนโดยองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย
ส่วนอินเทอร์เน็ตทางไกลต่างประเทศนั้น
สนับสนุนโดย
การสื่อสารแห่งประเทศไทยและเนคเทค
ส่วนระบบอุปกรณ์เครือข่ายทั้งหมดเป็นของเครือข่ายกาญจนาภิเษก
และเครือข่ายไทยสารรวมกัน
จึงจัดได้ว่าเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาที่เปิดให้กับโรงเรียนมัธยม
ศึกษาทั่วประเทศได้เข้าถึง
โดยใช้หลักการความทัดเทียมและความทั่วถึง
กล่าวคือ
โรงเรียนในต่างจังหวัด
ทุกจังหวัดจะมีโอกาสในการเข้าถึงเครือข่ายเท่ากับโรงเรียนในกรุงเทพมหานคร
สำหรับการดำเนินการนั้นคณะกรรมการเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งชาติ
ได้จัดตั้งคณะทำงานประสาน
งานการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษาขึ้น
โดยให้เป็นความร่วมมือระหว่าง
3 กระทรวงได้แก่กระทรวง
คมนาคม กระทรวงศึกษาธิการฯ
และกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ
โดยคณะทำงานมีหน้าที่ในการจัดทำแนวทาง
ในความร่วมมือ
และการส่งเสริมการพัฒนาโครงการฯ
ทั้งนี้ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อให้รับผิดชอบในส่วนที่
เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงเครือข่ายฯ
การจัดเตรียมเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ทางการศึกษา
และการฝึกอบรม
บุคลากร
ส่วนโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการจัดสรรบัญชีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตส่วนบุคคล
โรงเรียนละ
ไม่เกิน 3
บัญชี
มีจำนวนชั่วโมงการใช้งานไม่เกินเดือนละ
40 ชั่วโมง
และเนื้อที่เก็บข้อมูลไม่เกินโรงเรียน
ละ
7 เมกะไบต์
ผลการดำเนินงาน
เดือนตุลาคม พ.ศ.2541
มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการจำนวน
446 โรงเรียนทั่วประเทศ
ซึ่งได้รับบัญชี
ผู้ใช้แบบ
dial-up จำนวน 882 บัญชีโรงเรียนที่มีศักยภาพเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบโหนดแล้วผ่านเครือข่าย
ไทยสารประมาณ
40 โรงเรียน
และโรงเรียนที่เผยแพร่ข้อมูลที่มีประโยชน์ด้านการศึกษาจำนวน 94
โรงเรียน
ทั่วประเทศ
แผนการดำเนินงานปี
2542-2543
1.
ขยายขอบเขตของโครงการสู่โรงเรียนมัธยมทั่วประเทศ
และโรงเรียนประถม/อาชีวะที่มีความพร้อม
จำนวน ทั้งสิ้น
5,000 โรงเรียน
2.
จัดสรรบัญชีผู้ใช้ส่วนบุคคล
(Internet Account)
โรงเรียนละไม่เกิน 5
บัญชี โดยมีชั่วโมงการใช้งาน
ได้ไม่เกินเดือนละ
80
ชั่วโมงและเนื้อที่เก็บข้อมูลของโรงเรียนไม่เกิน
8 เมกะไบต์สำหรับโรงเรียนใน
โครงการ
3.
จัดสัมมนาและอบรมให้ความรู้ด้านอินเทอร์เน็ตในหลักสูตรการใช้อินเทอร์เน็ตเบื้องต้น
และการเขียน
เว็บเพจ
ด้วยภาษา HTML แก่ครู
อาจารย์ในโรงเรียนที่ร่วมโครงการ
4.
จัดทำสื่อในรูปของหนังสือ
วีดิทัศน์ และ
ซีดีรอมเพื่อพัฒนาครูให้มีความรู้ความเข้าใจถึงความจำเป็น
ที่ห้องเรียน
โรงเรียน
และกระบวนการเรียนรู้จะต้องปรับเข้าสู่ยุคใหม่
ซึ่งเทคโนโลยีการสื่อสารและมัลติมีเดีย
จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง
5.
จัดทำต้นแบบเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ในการสร้างเครือข่ายการเรียนรู้สำหรับโครงการ
เพื่อใช้ประโยชน์
ในการเรียนรู้สำหรับนักเรียนและครูอาจารย์
6.
ส่งเสริมการผลิตสื่อการเรียนการสอน
การพัฒนาเนื้อหาข้อมูลของโรงเรียนให้เกิดขึ้นมากๆ
และมี
คุณภาพเพื่อนำมาเผยแพร่ในเครือข่ายให้โรงเรียนได้ใช้ประโยชน์และแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ซึ่งกันและกัน
7.
ส่งเสริมให้เกิดกิจกรรมต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อินเทอร์เน็ตภายในโรงเรียน
8.
ส่งเสริมให้ครูและนักเรียนไทยได้ร่วมทำกิจกรรมหรือโครงการกับครูและนักเรียนของโรงเรียนใน
ต่างประเทศ
ผ่านทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
เช่น
ผลิตสื่อบทเรียนร่วมกัน
โดยทำเป็น มัลติมีเดีย
ทำโฮมเพจ
ในสิ่งที่สนใจร่วมกัน
โดยแบ่งเป็นหลายกลุ่ม
และนำมาประกวดกัน
9.
ประสานงานหรือร่วมกับภาคเอกชน
เพื่อริเริ่มกิจกรรมหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยี
สารสนเทศ
และอินเทอร์เน็ตมาใช้ในระบบการศึกษาไทย
10.
ผลักดันให้โรงเรียนในโครงการที่มีความพร้อมและมีศักยภาพทั้งด้านบุคลากรและด้านงบประมาณ
พัฒนาตนเองเป็นโหนดอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายไทยสาร
เพื่อจะได้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแก่บุคลากร
ในโรงเรียนของตนได้อย่างเต็มที่
และยังสามารถให้บริการแก่โรงเรียนใกล้เคียงที่ยังไม่ได้เข้าร่วมใน
โครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทยได้ด้วย
จากที่กล่าวมานั้น
จะเห็นได้ว่าทั้งเครือข่ายอินเทอร์เน็ตและโครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียน
ไทยถือเป็นโครงการเริ่มต้นที่เป็นก้าวสำคัญ
เป็นระบบเครือข่ายที่จะให้ประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาในภาพรวมได้อย่างมากจนแทบจะเรียกว่าหาข้อจำกัดมิได้
อย่างไรก็ตาม
การใช้งานอินเทอร์เน็ตในโครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย
ได้อาศัย
เครือข่ายอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกกันว่าเวิลด์ไวด์เว็บ
(World Wide Web หรือ WWW) มัก
นิยมเรียกสั้นๆ ว่าเว็บ
(Web)
ซึ่งจะได้กล่าวถึงรายละเอียดในลำดับถัดไป
|