บทที่
2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาการออกแบบเว็บเพจของโรงเรียนในโครงการเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียน
ไทย
ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในประเด็นดังต่อไปนี้
1. ความหมายและความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
2.
อินเทอร์เน็ตกับการศึกษา
3. เครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อโรงเรียนไทย
4. เว็บไซต์
โฮมเพจ และเว็บเพจ
5. การนำเสนอด้วยเว็บ
6.
การออกแบบเว็บเพจ
ความหมายและความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต
คำว่าอินเทอร์เน็ต
(Internet)
เป็นคำย่อของ
Internetwork หมายถึง
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุด
ในโลก
โดยเชื่อมโยงเครือข่ายย่อยจำนวนมากมายมหาศาล
นับตั้งแต่เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ใช้งาน
ภายในบ้านและสำนักงานไปจนถึงคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่แบบเมนเฟรมในโรงงานอุตสาหกรรมและอินเทอร์-
เน็ตสามารถทำให้คนเราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของโลก
แต่เดิมนั้นอินเทอร์เน็ต
เป็นเครือข่ายที่ใช้ในกิจการทางทหาร
ของสหรัฐอเมริกาชื่อ
อาร์พาเน็ต
(ARPANET :
Advanced
Research Projects Agency Network)
ซึ่งเริ่มใช้ในกิจการเมื่อประมาณ
พ.ศ. 2512 คือ 28 ปีมาแล้ว
ภายหลังมีมหาวิทยาลัยหลายแห่งขอร่วมเครือข่าย
โดยเชื่อมต่อระบบ
คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยกับเครือข่ายดังกล่าว
เพื่อใช้ประโยชน์ในการศึกษาและการวิจัย
ต่อมาเมื่อมี
การใช้เทคนิคการสื่อสารโต้ตอบที่เรียกว่าโพรโทคอล
(protocol)
แบบเฉพาะของอินเทอร์เน็ตที่เรียกว่า
Transmission Control Protocol/
Internet
Protocol (TCP/IP)
เครือข่ายนี้จึงได้รับความนิยมต่อเนื่อง
และมีคอมพิวเตอร์มาเชื่อมโยงมากขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ประเทศไทยเริ่มสนใจและติดต่อกับอินเตอร์เน็ต
ตั้งแต่ พ.ศ.2530
โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
(วิทยาเขตหาดใหญ่)
และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย
ซึ่งในปี พ.ศ.2531 วิทยาเขต
ดังกล่าวนับเป็น
ที่อยู่ของอินเทอร์เน็ตแห่งแรกของประเทศไทย
โดยได้รับที่อยู่ (Address)
ชื่อ
sritrang.psu.th
พ.ศ.
2534 เป็นปีที่มีการนำอินเทอร์เน็ตเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอย่างสมบูรณ์แบบ
โดยจุฬาลงกรณ์
มหาวิทยาลัย
ได้เช่าสายเป็นสายความเร็วสูงต่อเชื่อมกับเครือข่าย
UUNET ของบริษัทเอกชนที่รัฐเวอร์จิเนีย
ประเทศสหรัฐอเมริกา
ต่อมามหาวิทยาลัยมหิดล
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญบริหารธุรกิจ
ได้ขอเชื่อมต่อผ่านจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และเรียกเครือข่ายนี้ว่า
“ไทยเน็ต”
(THAInet) นับเป็นเกตเวย์
(Gateway)
แรกสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ตสากลของประเทศไทย
ในปี
พ.ศ. 2535 ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ
(NECTEC:
National
Electronic and Computer Technology Centre)
ได้จัดตั้งกลุ่มเครือข่ายประกอบด้วยมหาวิทยาลัย
อีกหลายแห่ง
เรียกว่า เครือข่าย “ไทยสาร”
ต่อเชื่อมกับเครือข่าย
UUNETด้วยนับเป็นเกตเวย์สู่เครือข่าย
อินเทอร์เน็ตแห่งที่สอง (อธิปัตย์
คลี่สุนทร,
2542)
ประโยชน์โดยทั่วไปของอินเทอร์เน็ต
อธิปัตย์ คลี่สุนทร (2542)
ได้กล่าวถึงประโยชน์โดยทั่วไปของอินเทอร์เน็ตว่าอินเทอร์เน็ตเป็นระบบ
เครือข่ายเปิดและสามารถติดต่อเชื่อมโยงตลอด
24 ชั่วโมง
ดังนั้นเราจึงสามารถเข้าถึงข้อมูล
ซึ่งประกอบ
ด้วยข้อความ
ภาพ และเสียง
ที่มีผู้นำเสนอไว้ได้โดยผ่านรูปแบบและเนื้อหาที่แตกต่างกัน
นอกจากนั้น
ยังสามารถเป็นที่สื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้
ประสบการณ์
แนวคิดที่หลากหลาย อาทิ
ด้านการเมือง
การอุตสาหกรรม
การแพทย์ ศาสนา
สิ่งแวดล้อม
ดนตรี กีฬา
การค้า การท่องเที่ยว
วัฒนธรรม
เป็นต้น
ซึ่งนอกจากจะรวดเร็วแล้วยังประหยัดค่าใช้อีกด้วย
บริการบนอินเทอร์เน็ต
บริการต่างๆ
ในอินเทอร์เน็ตมีหลายลักษณะ
ซึ่งข้อมูลทุกด้านจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีสมาชิกส่วนหนึ่งได้
จัดเสนอข้อมูลของตนเองเพื่อไว้ใช้หรืออำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจอื่นๆ
ตลอดเวลา ซึ่งประโยชน์โดย
ทั่วไปของอินเทอร์เน็ตมีหลายด้าน
ดังนี้
1.
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail
:
electronics
mail)
เป็นบริการที่ให้ผู้ใช้บริการสามารถส่งจดหมาย
ถึงบุคคล องค์กร สถาบัน
ฯลฯ
โดยผู้รับจะได้รับผ่านจอคอมพิวเตอร์
หรือให้พิมพ์เป็นเอกสารได้ทันที
หากผู้รับ
ไม่อยู่ที่จอคอมพิวเตอร์
จดหมายนี้ก็จะถูกส่งไว้ในตู้
คือในหน่วยความจำที่เสมือนเป็นตู้รับจดหมาย
ในคอมพิวเตอร์
ซึ่งผู้รับจะรับเวลาใดก็ได้
และจะโต้ตอบส่งกลับเวลาใดก็ได้เช่นกัน
2.
การทำงานข้ามเครื่อง
(TelNet)
ผู้ใช้บริการหากมีระบบเครื่องที่ทำงานได้ไม่สะดวก
ก็สามารถ
เปลี่ยนไปทำงานในเครื่องอื่นที่มีสมรรถนะสูงกว่า
เพื่อเข้าไปใช้ข้อมูลเนื้อที่บนฮาร์ดดิสก์สำหรับเก็บข้อมูล
หรือบริการอื่นใดก็ได้
โดยมีข้อแม้ว่าผู้ใช้บริการต้องมีชื่ออยู่ในสารระบบที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ได้
3.
การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล
(FTP :
File Transfer
Protocol)
เป็นบริการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลหรือ
โปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการจากเครื่องอื่นมาเก็บไว้ยังเครื่องของตน
โดยเฉพาะโปรแกรมที่บางคนพัฒนา
ขึ้นและต้องการบริจาคให้ส่วนรวมได้ใช้โดยไม่คิดมูลค่า
โปรแกรมลักษณะนี้เรียกว่า
Shareware โดยบางโปรแกรมก็อาจจะให้ลองใช้เป็นการชั่วคราว
หากสนใจก็อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายก็อยู่ในลักษณะ
บริการนี้เช่นกัน
4.
กลุ่มข่าวที่น่าสนใจ
(UseNet)
เป็นบริการที่เสมือนเป็นกระดานประกาศขายสินค้า
หรือแสดงความ
ต้องการเพื่อให้ผู้สนใจตรงกัน
หรือคล้ายๆ กัน
ได้ส่งข่าวติดต่อกันข่าวที่นำมาเสนอไว้อาจจะเกี่ยวกับ
สังคม กีฬา
ศาสนา วัฒนธรรม
เทคโนโลยี
ปรัชญา
ฯลฯ เป็นต้น โดยที่
ท้ายข่าวจะมีที่อยู่ซึ่งผู้สนใจ
สามารถติดต่อถึงกันได้
5.
การสนทนาบนเครือข่าย
(Talk)
บริการนี้จะแตกต่างจากจดหมายซึ่งเขียนไปไว้ที่ตู้ไปรษณีย์ของผู้รับ
คือ ผู้ส่ง
ผู้รับโต้ตอบกันทางตัวอักษรบนจอคอมพิวเตอร์
หรือที่เรียกว่า
IRC (InternetRelay
Chat)
ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นให้สามารถพูดโต้ตอบกันผ่านระบบคอมพิวเตอร์ได้ดังเช่นพูดกันทางโทรศัพท์
6.
การค้นหาข้อมูลและแฟ้มข้อมูล
(Gopher/Archie)
เป็นบริการที่เปรียบเสมือนตู้บัตรคำในห้องสมุด
ที่สามารถค้นชื่อผู้แต่ง
ชื่อเรื่อง
ชื่อที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ
ซึ่งจะช่วยให้การค้นต่างๆ
เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว
มาก
ผู้ใช้เพียงเข้าไปค้นเมนู
(Menu)
ที่โปรแกรมนี้ทำไว้เมื่อพอใจดูเรื่องใดก็ใช้เมนูนั้นผ่านเข้าไปยังเรื่อง
หรือสิ่งที่ต้องการได้ทันที
7.เวิลด์ไวด์เว็บ
(World Wide Web)
หรือที่มักเรียกกันว่าเครือข่ายใยแมงมุมเป็นบริการทาง
อินเทอร์เน็ตที่มีผู้คนนิยมใช้กันมาก
เพราะนอกจากการค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆ
ได้แล้ว ยังสามารถ
หา
ความบันเทิงได้หลากหลายรูปแบบบนอินเทอร์เน็ต
ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่ง
ภาพเคลื่อนไหว แฟ้มภาพ
วีดิทัศน์
หรือแม้กระทั่งการดูภาพยนตร์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ถนอมพร ตันพิพัฒน์ (2539)
ได้กล่าวถึงประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตในลักษณะคล้ายๆ
กัน กล่าวคือ
สามารถใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อประโยชน์หลักๆ
5 ประการ ดังนี้
1.
เพื่อการติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล
และความคิดเห็น
โดยการส่งผ่านทางไปรษณีย์
อิเล็กทรอนิกส์หรือที่เรียกสั้นๆ
ว่า อีเมล
ซึ่งมีความสะดวก
รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย
นอกจากอีเมลแล้ว
การสนทนาแบบออนไลน์
ซึ่งผู้ใช้สามารถโต้ตอบผ่านหน้าจอ
เสมือนการคุยโทรศัพท์กันอยู่เพียงแต่ใช้
การพิมพ์ข้อความแทนเสียง
ปัจจุบันผู้ใช้สามารถคุยโต้ตอบกันและเห็นใบหน้า
ท่าทางของคู่สนทนาได้
2.
เพื่อการเข้าใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ
ที่ต่ออยู่ในเครือข่าย
การติดต่อเข้าสู่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ
ที่ต่ออยู่ในเครือข่าย
ทำให้ผู้ใช้สามารถเรียกโปรแกรมในเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นๆ
มาใช้งานได้ การเข้าใช้
เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ
ที่ต่ออยู่ในเครือข่ายสามารถทำได้โดยการใช้คำสั่ง
telnet
3.
เพื่อการสืบค้นข้อมูลต่างๆ
ผู้ใช้สามารถใช้บริการทางอินเทอร์เน็ตในการสืบค้นสารสนเทศ
ต่างๆ
ในเครือข่ายได้หลายวิธี
และวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบันคือ
บริการที่มีชื่อว่า
เว็บซึ่งอนุญาตให้ผู้ใช้
เข้าไปค้นหาข้อมูลในรูปแบบต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษร
ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
หรือเสียงก็ตามโดยข้อมูลใน
เว็บจะอยู่ในรูปของไฮเพอร์มีเดีย
(hypermedia)
กล่าวคือ
มีการเชื่อมโยงของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันเอาไว้
โดยที่ข้อมูลนั้นไม่จำเป็นต้องมาจากแหล่งเดียวกัน
4.
เพื่อการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลคอมพิวเตอร์
ซึ่งผู้ใช้สามารถคัดลอกและถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลหรือโปรแกรม
ที่ผู้ผลิตอนุญาต
มาใช้ตามต้องการ
การถ่ายโอนแฟ้มข้อมูลทำได้โดยการใช้คำสั่ง
ftpหรือการใช้การ
โปรแกรมสำเร็จรูปที่ช่วยในการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล
เช่น
Overnet, FTP Voyager เป็นต้น
5.
เพื่อการเผยแพร่ข่าวสาร
ความคิดเห็น คำถาม คำตอบ
คำแนะนำ
ตลอดจนเรื่องราวความเป็นไป
ต่างๆ
ที่ผู้ใช้ต้องการทราบและต้องการเสนอแนะ
การรับ-ส่งข่าวสารในลักษณะนี้สามารถทำได้โดยการใช้
บริการทางอินเทอร์เน็ตได้หลายวิธีด้วยกัน
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว
กิดานันท์ มลิทอง
(2540)
ยังได้กล่าวถึงการใช้งานของอินเทอร์เน็ตในลักษณะ
คล้ายคลึงกันและมีเพิ่มเติมบางส่วน
เช่น
1.บริการสารสนเทศในวงกว้าง
(Wide Area
Information Server :
WAIS)
เนื่องจากฐานข้อมูลที่มี
อยู่บนอินเทอร์เน็ตมีเป็นจำนวนมาก
จึงทำให้ไม่สะดวกในการค้นหา
จึงต้องมีบริการนี้
ขึ้นมาเพื่อเชื่อมโยง
ศูนย์ข้อมูลที่กระจายอยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้าด้วยกัน
ซึ่งจะทำให้การค้นหา
ข้อมูลสะดวกและรวดเร็วขึ้น
2.
การสนทนาในข่ายงาน
(Internet Relay
Chat :
IRC)เป็นการสนทนาผ่านเครือข่ายที่สามารถโต้ตอบ
กันทันทีโดยการพิมพ์ข้อความเสียง
โดยอาจสนทนาระหว่างบุคคลหรือจะเป็นกลุ่มก็ได้
3.สิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์
(Electronic
Publisher)
ปัจจุบันหนังสือพิมพ์
วารสาร และนิตยสารหลาย
ประเภท เช่น ไทยรัฐ
เดลินิวส์ ข่าวสด
TIME, ELLE ฯลฯ
ได้มีการบรรจุเนื้อหาและภาพที่ลงพิมพ์ในสิ่งพิมพ์
เหล่านี้ลงในเว็บไซต์ของตน
เพื่อให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้อ่านเรื่องราวเช่นเดียวกับการอ่านหนังสือที่เป็นเล่ม
นอกจากสิ่งพิมพ์แล้ว
ยังมีเอกสารและตำราวิชาการที่นำเนื้อหาบรรจุลงในอินเทอร์เน็ตเพื่อให้ค้นหาความรู้
ได้ด้วย เช่น
คู่มือการออกแบบเว็บเพจของมหาวิทยาลัยเยล
ในสหรัฐอเมริกา
4.
สมุดรายชื่อ
เป็นการตรวจหารายชื่อและที่อยู่ของผู้ที่เราต้องการจะติดต่อด้วยในอินเทอร์เน็ต
โปรแกรม
ที่นิยมใช้กัน ได้แก่
Finger และ
Whois
กล่าวโดยสรุป
จะเห็นได้ว่าบริการพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตนั้นมีดังนี้คือ
1. จดหมายอิเล็กทรอนิกส์
(E-mail
:
Electronics
Mail)
2. การทำงานข้ามเครื่องหรือการขอเข้าเครื่องระยะไกล
(Telnet)
3. เพื่อการถ่ายโอนแฟ้มข้อมูล
(FTP :
File Transfer
Protocal)
4. แลกเปลี่ยนสารสนเทศซึ่งกันและกัน
หรือกลุ่มข่าวที่น่าสนใจ
(UseNet)
5. การสนทนาบนเครือข่าย
(Talk)
และ
Interner Relay Chat :
IRC
6. การสืบค้นข้อมูลและไฟล์ข้อมูล
(Gopher/Archie)
และ Whois
7. เวิลด์ไวด์เว็บ
(Wolrd Wide Web)
8. สิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์
(Electronic
Publisher)
การเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อหรือการเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตนั้น
จำเป็นต้องมีอุปกรณ์พื้นฐาน
ได้แก่
เครื่องคอมพิวเตอร์
โมเด็มและสายโทรศัพท์
รวมทั้งซอฟต์แวร์ที่ใช้ติดต่ออินเทอร์เน็ต
สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นสามารถใช้ได้เกือบทุกชนิด
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเมนเฟรม
มินิคอมพิวเตอร์
หรือไมโครคอมพิวเตอร์
อย่างไรก็ตามเครื่องที่ใช้ก็ควรจะมีหน่วยความจำและความเร็วอย่างเหมาะสม
เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการรับ-ส่งข้อมูล
ส่วนโมเด็ม
(Modem:
Modulator/Demodulator)
และสายโทรศัพท์
เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้คู่กัน
โดยโมเด็มจะทำหน้าที่แปลงข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นสัญญาณดิจิทัลให้เป็นสัญญาณแอนะลอก
จากนั้น
จะส่งผ่านคู่สายโทรศัพท์ไปยังจุดหมาย
เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ด้วยกันเอง
อย่างไรก็ดี
ปัจจุบันมนุษย์สามารถพัฒนาขีดความสามารถในการรับส่งข้อมูลโดยอาศัยคลื่นความถี่ต่างๆ
นอกเหนือจากระบบสายโทรศัพท์
อาทิ ระบบไมโครเวฟ
สัญญาณดาวเทียม
รวมทั้งเส้นใยนำแสง
ทำให้การ
ติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
|